หมายเหตุ: บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้เป็นการพูดคุยในช่วงปี 2561
เรื่อง ภาวนา แก้วแสงธรรม
คุณกำลังจะได้อ่านบทสัมภาษณ์ที่พูดคุยกับเขาเมื่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ได้ราว 3 เดือน เราไม่ได้รีบที่จะปล่อยคอนเทนต์นี้ออกมา เพราะอยากบ่ม “ถ้อยคำ” เขาเอาไว้ก่อน และเฝ้ามองดู “การกระทำ” ของลูกคนรวยที่หันมาตั้งพรรคการเมืองคนนี้
ถ้าจะมีอะไรที่เป็นส่วนผสมที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว ก็น่าจะเป็นธนาธร เขามีถ้อยคำราวกับคนชราในร่างวัย 40 กว่า เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงที่เคยหลุดปากออกมาว่าถูกบังคับให้เป็นนายทุน และอาจจะเป็นนักการเมืองหน้าตาดีของบรรดา “ฟ้า” ที่ไม่เคยสนใจเรื่องภายนอก กระทั่งอาบน้ำก็ไม่ใช้สบู่และยาสระผม
ท่ามกลางการเล่นการเมืองแบบชินตา ธนาธรพูดศัพท์อย่างคำว่า “การเมืองแห่งความหวัง” “การต่อสู้ทางความคิด” ว่าคือวิถีแห่งพรรคการเมืองที่เขาเชื่อ และแม้จะยาวนานแสนนานแค่ไหน หากต้องรอก็หมายความว่าต้องรอ
ในวันที่กระแสฟ้ารักพ่อยังไม่เกิด เราไล่เรียงมาตั้งแต่คำถามเสี้ยมอย่าง แค้นอภิสิทธิ์ไหมในวันที่เขาถูกยิงด้วยกระสุนยาง คำวิจารณ์ต่อสปีชครั้งแรกในฐานะหัวหน้าพรรคว่า “ราวกับคนช่างฝัน” การเล่นการเมืองแบบวิ่งมาราธอน ไปจนถึงความคับแค้นใจต่อทศวรรษที่สูญหายเพราะการแทรกแซงทางการเมืองของทหาร
6 เดือนผ่านไปที่เฝ้ามองดูเขาว่าเอาจริงอย่างที่พูดหรือไม่
ในที่สุด….คุณจะได้อ่าน “ความคิด” ของหัวหน้าพรรคที่มาแรงที่สุด ณ วินาทีนี้!!

ตั้งแต่ประกาศเล่นการเมือง คุณได้ผ้าขาวม้ามากี่ผืนแล้ว
(หัวเราะ) เยอะมาก น่าจะสัก 30-40 ผืน แต่ไม่เคยนับจริงๆ เลย เก็บไว้ที่บ้าน เวลาออกไปวัดก็จะเอาไป
ตอนที่ชาวบ้านเอาผ้าขาวม้ามาให้ เหมือนฝากความหวังไว้กับเรา ความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไง
จริงๆ ก็เป็นความหนัก เป็นภาระ ที่เรารู้สึกว่าชีวิตของเราไม่ใช่ของเราแล้วนะ อย่างล่าสุดที่ไปสุรินทร์กับอุบล เขาก็ผูกผ้าขาวม้าและก็บายศรีให้เรา แล้วบอกว่า “ขอให้ซื่อตรงและเป็นที่พึ่งของประชาชน” รู้สึกว่าเราแบกฝันที่ไม่ใช่ฝันของเราคนเดียว แต่เป็นฝันของคนหลายล้านคนที่อยู่ข้างนอก
ผมวางแผนไว้ว่าจะไปปีนเขาที่ยากมากลูกนึงในสวิตเซอร์แลนด์ สุดท้ายก็ไม่ได้ไป ผมเป็นคนบอกยกเลิกแผนนี้เอง ผมบอกเพื่อนๆ ว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมยอมรับความเสี่ยงนี้ได้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าไหล่ของผมมันไม่ได้แบกแค่ครอบครัวผมอย่างเดียว แต่แบกอะไรที่ใหญ่กว่านั้น ผมบอกเขาไปว่าผมเป็นอะไรไปไม่ได้
ความที่เคยเป็นนักกิจกรรมมาก่อน พอออกทัวร์ไปทั่วประเทศ มันทำให้คุณรู้สึกเหมือนอายุ 18 อีกครั้งไหมคะ
ทำให้ผมรู้สึกว่าเราทนกับมันมาได้ยังไงนะ 20 ปี เมื่อ 20 ปีที่แล้วที่ผมไปฟังปัญหามา พอวันนี้ไปฟังปัญหาก็เหมือนเดิมนะ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าทำไมเรื่องง่ายๆ ที่มันเมคเซนส์มากทำไมมันจัดการไม่ได้ อย่างปัญหาน้ำท่วมมันซ้ำซากมาไม่รู้กี่สิบปี หลายพื้นที่ที่ผมลงไปฟังปัญหาของชาวบ้าน ปัญหาก็ไม่ต่างจาก 20 ปีที่แล้วที่ทำกิจกรรมนักศึกษา ปัญหามันไม่ได้รับแก้ไขอะไรเลย
มันก็คือ 20 ปีที่สูญหายไปเลย
ผมว่าในแง่หนึ่งมันไม่ใช่เรื่องการเมืองอย่างเดียว ที่เราบอกว่ามันเป็นทศวรรษที่สูญหาย แต่เรากำลังบอกว่า โครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองแบบนี้กดหัวคนจน คนที่ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงมานานแสนนาน ประเทศไทยต้องเดินหน้า ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังได้แล้ว มันคือความไม่พอใจที่ยังดำรงอยู่ในสังคม สำหรับคนที่ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง ไม่มีทางออก

ฟังจากน้ำเสียง…คุณเป็นลูกคนรวยแล้วทำไมต้องรู้สึกเจ็บปวดกับการเป็นคนจนขนาดนั้น
มันคงเป็นความโรแมนติกที่อยู่ข้างในมั้ง ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงนะ แต่เราอยู่กับความอยุติธรรม ชินชากับมันจนกลายเป็นเรื่องปกติ ผมไม่เอาระบอบระเบียบสังคมแบบนี้ที่ส่งเสริมให้คนที่รวย คนที่มีอำนาจได้รับผลประโยชน์ไป แน่นอนผมเป็นหนึ่งในนั้น แล้วก็ได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากมัน แต่ผมก็บอกว่าผมไม่เอา สังคมเราไม่ควรจะอยู่แบบนี้ สงสัยอ่านหนังสือมาเยอะมั้ง หนังสือของคนที่ถูกกระทำ หรือไม่ก็หนังสือสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่พูดถึงความไม่มีค่าของชีวิตมนุษย์
คุณพ่อคุณแม่ผมก็เป็นแบบนี้ ตอนสมัยผมเด็กๆ เขาจะสอนผมเรื่องนี้ตลอด ผมฟังจนเบื่อเลย เล่าว่ายุคคุณพ่อคุณแม่ตอนเด็กบางทีไม่มีข้าวกิน ทำผัดผักมามื้อแรกต้องกินผักให้หมดแล้วเก็บน้ำแกงไว้ มื้อต่อมาเอาน้ำผักมาราดข้าวกินต่อ
คุณพ่อผมเป็นคนที่อยากรู้ อยากเรียนหนังสือ แต่ว่าเป็นลูกคนที่สอง พวกพี่ๆ พ่อผมก็จะไม่ได้เรียน พ่อผมจบ ป.4 มีคนในครอบครัวพ่อผมคนเดียวที่จบปริญญาตรี คือคุณสุริยะ ครอบครัวคุณแม่ผมก็เหมือนกัน ไม่มีใครจบปริญญาตรีเลยนอกจากคุณแม่
คุณแม่ผมด้วยความที่เป็นน้องคนสุดท้อง โชคดีที่ไม่ต้องรับภาระทางบ้าน ก็เก็บเงินส่งตัวเองไปเรียนต่างประเทศได้ ทั้งสองท่านจะเล่าให้ผมฟังตลอดว่าความลำบากเป็นยังไง ตอนผมเด็กผมก็ไม่ได้รวย เริ่มที่จะมีฐานะดีกว่าเพื่อนร่วมรุ่นตอนมัธยมต้นเอง ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้รวยนะ ผมก็ขึ้นตุ๊กๆ ไปเรียน ขึ้นรถเมล์กลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่เริ่มสร้างฐานะช่วงผมอายุประมาณ 20 ปี
ตอนลงพื้นที่แล้วพาลูกไปด้วย ลูกชอบไหมคะ
เขาก็สนุก เด็กๆ ได้อยู่กับแสงแดด สายลม ทุ่งนา มีพื้นที่ให้เขาวิ่งเล่น ได้ทำกิจกรรมในแบบของเขา ผมต้องพูดอย่างนี้ว่า จริงๆ เวลาของผมหายไปหมดเลยตั้งแต่เปลี่ยนอาชีพมาทำการเมือง เมื่อเช้าก็มีสื่อมาสัมภาษณ์ที่บ้าน ปกติเช้าๆ ก่อนไปทำงานผมจะต้องอ่านหนังสือพิมพ์ก่อน แต่เดี๋ยวนี้เวลาการอ่าน เวลาการอยู่กับครอบครัว เวลาการออกกำลังกายมันหายไปหมดเลย นี่ผมก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลยมา 3 เดือน แทบไม่ได้วิ่ง ไม่ได้ว่ายน้ำเลย เพราะงั้นถ้าอะไรที่สามารถทำให้เราได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น เราก็อยากจะทำ ก็ชวนลูกมาด้วย ก็ได้อยู่ด้วยกันบ้าง คนโตยังพอเริ่มมองเห็นอะไรบ้าง เริ่มถามว่านั่นอะไร แต่คนเล็กยังไม่ค่อยเข้าใจ 2 ขวบเอง คนโต 8 ขวบก็ชอบถาม มาทำไม มันมีปัญหาอะไร เราก็จะเล่าให้เขาฟัง
ผมอยากให้ลูกใช้เวลาอยู่ข้างนอกให้เยอะ พบผู้คนให้หลากหลาย คบเพื่อนที่ต่างกัน ต่างชนชาติ ต่างวัฒนธรรม คนถือศีลที่ต่างกัน รสนิยมทางเพศที่ต่างกัน พบคนให้หลากหลาย ใช้เวลาให้คุ้มค่า ออกไปดูโลก ไปสัมผัสอะไรที่หลากหลาย
ตั้งแต่มาเล่นการเมือง สิ่งที่ทำให้รู้สึกเสียใจมากที่สุดคืออะไร
ไม่มีอะไรเสียใจนะ สิ่งที่ทำร้ายเรามากที่สุดผมว่ายังไม่มี ที่ผ่านมามีแต่เรื่องที่เราคิดว่าเป็นเรื่องที่เราตัดสินใจถูก มีแต่เรื่องที่ทำให้ไฟเราโหมแรงมากขึ้น แทบจะไม่มีเรื่องที่ทำให้เราเสียกำลังใจ แต่แน่นอน มันมีเรื่องวิพากษ์วิจารณ์เราทุกวัน แต่เราไม่ได้รู้สึกว่านั่นคืออุปสรรค ผมเตรียมใจเรื่องพวกนี้มาเยอะ แรงเสียดทานมันมีแน่นอน คนวิจารณ์มีแน่นอน หน้าที่เราคือ prove them wrong พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าพวกเขาคิดผิด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผมมาทำการเมืองเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือเป็นนอมินีของคุณทักษิณหรือเปล่า หรือทางอ้อมเป็นพรรคอะไหล่ของคุณทักษิณหรือเปล่า หน้าที่ของเราคือทำให้เขาเข้าใจมันถูกต้อง ไม่ว่าข้อกล่าวหาที่เขามีต่อเราหรือต่อพรรค ว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริงเลย เราสามารถยืนหยัด ต่อต้านกระแส และให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
อีก 5 ปี 10 ปี เราจะมาคุยกันว่าสิ่งที่กำลังทำ มีเรื่องอะไรที่เราพูดกับคนไทยไว้บ้าง เรามีเรื่องที่ไม่ซื่อสัตย์กับสิ่งที่พูดอะไรไว้บ้าง เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ที่ผ่านมามีแต่จะทำให้เราแน่วแน่มากขึ้น ทำให้เรามีพลังมากขึ้น ไม่ได้ลดน้อยลงเลย

ความเป็นนักกีฬามาราธอนดีต่ออาชีพทางการเมืองอย่างไร
อาจจะมี 2 มิติ คือ การที่เราไม่บ่นมากกับปัญหา ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับทุกเรื่อง การเป็นนักกีฬาทำให้เราไม่คิดเรื่องพวกนั้น เจ็บปวดอะไรหน่อย เราก็ไม่บ่น ไม่คิดว่าเป็นปัญหา ถ้าเราคิดว่ามันเป็นปัญหา เราก็คงมาถึงตรงนี้ไม่ได้
ส่วนมิติที่สองที่ได้จากการกีฬาคือ การวางแผน การเตรียมตัว เป็นคนที่เสพติดการประสบความสำเร็จทางกีฬา เรียกว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องของร่างกายหรือจิตใจอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการเตรียมตัวและการวางแผนด้วย คุณต้องวางแผนว่าจะวิ่ง 100 กิโลเมตร จะต้องเอาอะไรไปบ้าง เอาอาหารไปเท่าไหร่ เอาอาหารไปน้อยหมดแรงกลางทาง เอาน้ำไปน้อยหมดน้ำกลางทาง เอาไปเยอะหนักเสียสติ แค่เอาของไปก็เป็นเรื่องที่ต้องวางแผนละ เพราะงั้นมันไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่าเตรียมร่างกายมาดี เตรียมจิตใจมาดี แต่เป็นเรื่องของการวางแผนว่าจะทำยังไงถึงจะสำเร็จได้
สปีชแรกในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ดูเหมือนคุณจะให้น้ำหนักกับ “ความฝัน” เยอะ
มันไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ คุณอยากให้ลูกเติบโตมาในประเทศที่มีรัฐประหารทุก 8 ปีเหรอ ลูกหลานเราไม่ควรจะเจอแบบนี้ เราจะออกจากตรงนี้กันได้ปีไหน ผมคิดว่าการแทรกแซงทางทหาร 1 ครั้ง ทำให้เราอยู่กับผลลัพธ์แบบนี้อีก 20 ปี นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องตั้งเป้าว่าคนรุ่นเราจะจบการที่ทหารแทรกแซงทางการเมือง
อย่าลืมว่าหลังจากปี 49 คนถูกจับเข้าคุกเข้าตะราง คนตายไปกี่คน ไม่ใช่เสื้อสีเดียวกัน คนบาดเจ็บล้มตาย คนโดนคดีมีทั้ง 2 สีเสื้อ ความสูญเสียเหล่านี้มันมหาศาลมาก แล้วเราจะต้องอยู่กับมันไปอีกนานจนกว่าจะกลับมาเป็นปกติ ดังนั้นขีดเส้นจบเลยว่า พอแล้ว นั่นคือปณิธาน ความฝันที่ใหญ่กว่าตัวเอง
มันมีคลิปที่คุณถูกยิงด้วยกระสุนยาง
ตอนปี 48 ที่ทางคุณสนธิเริ่มชุมนุมก่อตั้งพันธมิตร ผมมีโอกาสไปนั่งฟังเวทีคุณสนธิพูดที่สวนลุมฯ ก็ไปเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรจนกลุ่มพันธมิตรเรียกร้องมาตรา 7 คือ เรียกร้องอะไรบางอย่างที่ไม่ฟังเสียง ไม่เคารพเสียงของประชาชน ผมก็ถอยออกมาจากพันธมิตร หลังจากนั้นปี 49 ที่คุณทักษิณโดนรัฐประหาร
พอปี 51-52 ผมก็เริ่มเข้าร่วม เห็นอกเห็นใจกับคนกลุ่มเสื้อแดง เหตุผลก็เพราะว่าเราเห็นว่าคุณทักษิณทำอะไรไม่ถูกหลายเรื่องก็จริง แต่เรื่องปกป้องสิทธิ์ของการเลือกตั้ง สิทธิ์ของคนที่เลือกตั้งมาเป็นเรื่องที่ต้องทำ วันนั้นผมอยู่ที่สี่แยกคอกวัวพอดี แล้วก็โดนกระสุนยางยิง ตอนนั้นฟ้ามืดแล้ว น่าจะประมาณทุ่มนึง หลังจากนั้นอีกชั่วโมงสองชั่วโมงก็ใช้กระสุนจริง ถ้าไม่โดนกระสุนยางก็อาจจะโดนกระสุนจริงไปแล้ว ตอนโดนกระสุนยางนะ แรงมันหมดเลย ทรุดนั่งลงไปกับพื้นแล้วมีคนพาออกจากพื้นที่ไปหาหมอ พอกลับมาอีกทีตรงข้าวสารก็มีเสียงปืน
แค้นคุณอภิสิทธิ์ไหมคะ
ผมไม่ได้แค้นคุณอภิสิทธิ์เป็นการส่วนตัวนะ คิดว่าคุณอภิสิทธิ์คงโดนกดดันจากหลายฝ่าย คงต้องบอกว่าไม่พอใจกับระบบสังคมมากกว่า ที่อนุญาตให้ปราบปรามประชาชนแบบนี้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ก็ควรที่จะนำคนที่ละเมิดสิทธิ์ประชาชนมาลงโทษให้ได้
ในประวัติศาสตร์นะครับ รัฐไทยเข่นฆ่าประชาชนเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม แล้วก็ไม่มีผู้กระทำผิดโดนลงโทษสักครั้งเดียว แล้วเราก็มาร้องหาความยุติธรรม ในขณะเดียวกันเราก็ไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้ให้ดังในสังคม ถ้าไม่กล้าพูดเรื่องนี้เราก็ไม่ต้องมาร้องขอความยุติธรรมที่ไหน มีแต่บอกว่าให้มาประนีประนอมกันเถอะ ในขณะที่จิตใจของคนที่โดนยิง คนที่ลูก คนที่พ่อแม่เขาโดนยิง คุณจะไปอธิบายเขายังไงให้มาคืนดีกัน มาปรองดองกัน
ผมก็ยังยืนยันว่า การบังคับใช้ความยุติธรรมสำหรับคนทุกคนให้เท่ากัน ไม่ใช่ความยุติธรรมบังคับใช้กับคนจนอย่างเดียว ไม่ว่ากรณีใดก็แล้วแต่ ต้องสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาในสังคม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันในสังคม นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ที่ผมอยากให้สังคมไทยก้าวหน้า ซึ่งเป็นพื้นฐานของสังคมที่แข็งแกร่ง ต้องสร้างขึ้นมาให้ได้

คุณพูดเรื่อง “การต่อสู้ทางความคิด” ไว้ค่อนข้างมาก ประเด็นที่คุณย้ำนี้ จะทำให้คุณชนะการเลือกตั้งได้ยังไง
ก็ต้องพิสูจน์ คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่คือวอลันเทียร์ ผมมีวอลันเทียร์ออนไลน์อยู่ 6,000 คน อนาคตใหม่พิษณุโลก ระยอง เชียงราย ขอนแก่น พัทลุง ตรัง มันเกิดขึ้นได้ยังไง เพราะเรามีความเชื่อเหมือนกัน ดังนั้นมันเลยมีพลังออกมา นี่ไงพรรคการเมืองที่คุณเรียกร้องหามาเสมอ นี่ไงพรรคการเมืองที่ไม่ซื้อเสียง หัวหน้าพรรคต้องฟังสมาชิก ไม่ใช่สมาชิกฟังหัวหน้า นี่คือพรรคการเมืองที่คุณเรียกร้องมาตั้งนานใช่ไหม เราจะทำให้ดูว่าพรรคแบบนี้จะมีที่ในสังคมไหม ลองทำกันดูสักตั้ง ทำได้ไม่ได้ ผิดถูกผมขอลองเอง เป็นจริงได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่ผมและพรรคในอนาคตใหม่จะลองว่ามันจะเป็นไปได้ไหม
นิยาม “การต่อสู้ทางความคิด” แบบชัดๆ
ถ้าเราบอกว่าความยุติธรรมต้องบังคับใช้อย่างเสมอหน้ากับทุกคนในสังคม คุณเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ หน้าที่ของเราก็คือทำให้คุณเชื่อเหมือนอย่างเรา เมื่อทำทีละคนแล้วคนเห็นด้วยกับเรา คนที่เห็นด้วยก็คือคะแนนเสียง คะแนนเสียงกับอุดมการณ์เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้คนมากาให้คุณ เพราะเรามีความฝันบางอย่างร่วมกัน นี่ต่างหากการเมืองที่เราอยากสร้าง
เสียงที่ให้กับพรรคอนาคตใหม่คือเสียงที่มีความฝันร่วมกัน เห็นอะไรบางอย่างร่วมกัน เราจึงกาให้อนาคตใหม่ร่วมกัน นี่คือการเอาชนะทางความคิด แต่มันช้า ใจร้อนไม่ได้ แต่มีคุณภาพ ซึ่งอาจจะหมายถึงรอถึง 10 ปี แต่ถ้าคุณไปดูด ส.ส. มาได้เนี่ย ส.ส.ที่คุณดูดมาได้ ก็พร้อมที่จะโดนคนอื่นดูดไปได้เหมือนกัน มันไม่ยั่งยืน ไม่แข็งแกร่ง ไม่แน่วแน่พอที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่ออะไรบางอย่างที่มันมีค่าพอที่จะเสี่ยง ถ้าเราอยากจะต่อสู้กับอะไรที่เราคิดว่ามันกดทับสังคมมานานแล้ว คุณจำเป็นต้องมีฐานที่แน่วแน่และแข็งแกร่งมาก ซื้อได้ด้วยความฝันร่วมกันต่างหาก ที่จะทำให้การเมืองแห่งความหวังประสบความสำเร็จ
การพูดเรื่องแบบนี้อาจจะคอนเน็กต์กับคนรุ่นใหม่ แล้วคนรุ่นป้าๆ ลุงๆ เขาจะเข้าใจเหรอ
คนรุ่นใหม่สนับสนุนผมทางออนไลน์ แต่จะไม่ค่อยมาฟังเวลาผมลงพื้นที่ แต่คนที่มาฟังตอนลงพื้นที่ มาแลกเปลี่ยน อายุเฉลี่ยประมาณ 40 – 50 ปลายๆ คนที่อยากมาพูดคุย มาสัมผัสตัวตน มาเล่าปัญหาให้ฟัง ไม่ใช่ว่าคนอายุน้อยไม่มีนะ แต่ 60 เปอร์เซ็นต์ที่มาเป็นคนที่อายุ 40 – 50 ปี
ดังนั้นเราไม่ได้สนใจแค่คนรุ่นใหม่ แน่นอนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของคนรุ่นใหม่ แต่เราก็สนใจกลุ่มคนที่การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะเป็นการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายของเขาด้วย
ไม่กลัวที่คนคอมเมนต์ว่าพรรคมีกระแส แต่ไม่มีฐานเสียง
อะไรคือการเปลี่ยนกระแสให้เป็นฐานเสียงล่ะ คำตอบก็คือเครือข่าย พูดแบบเก่าคือหัวคะแนน แต่เป็นหัวคะแนนที่ไม่ต้องซื้อ เป็นหัวคะแนนที่เห็นด้วยกับเรา นี่ต่างหากคือตัวที่จะเปลี่ยนกระแสให้เป็นเครือข่าย ต้องผลักดันให้คนที่เห็นด้วยเป็นกระแส ไปใช้สิทธิ์และไปเลือกเราได้ นี่ต่างหากคือประเด็น
วันนี้เราทำงานเครือข่าย คนอาจจะไม่เห็น แต่เวลาผมลงพื้นที่ผมคุยกับเขา เกษตรกร ชาวบ้านท้องถิ่น คนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาของรัฐ เยอะแยะไปหมด แค่เขาเห็นด้วยกับเรา แล้วออกไปพูดแบบที่เราพูดด้วยตัวของเขาเอง ไปชักชวนคนที่ยังกลางๆ อยู่ให้สนใจเราด้วย นี่คือกลไกที่จะเปลี่ยนกระแสเป็นคะแนน และเครือข่ายของเราเป็นเครือข่ายที่ไม่ได้สร้างด้วยเงิน แต่สร้างด้วยความเชื่อที่เหมือนกัน
หลายคนอาจจะไม่เชื่อ พรรคอนาคตใหม่ใช้เวลาแค่ 3 เดือน ตั้งคณะกรรมการ 77 จังหวัดแล้ว เขามาเข้าร่วมเอง มันมีคนมหาศาลที่คิดแบบเดียวกัน คิดแบบที่เราคิดอยู่และไม่มีสมอให้เขายึดหรือจับไว้ คนถึงเดินเข้ามาชนิดที่เรารับและเตรียมตัวไม่ทันกับกระแสตอบรับที่เยอะขนาดนี้
บางจังหวัดเป็นกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ เครือข่ายปัญหา นักศึกษา มาเต็มไปหมด ดังนั้นผมคิดว่านี่คือห้วงเวลาการเลือกตั้งที่ขีดเส้นประวัติศาสตร์ ขีดว่าพอได้แล้วกับการแทรกแซงทางการเมืองของทหาร ระบบการเมืองและสังคมที่อนุญาตให้คนกลุ่มเดียวได้รับผลประโยชน์ ผมเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการขีดเส้นประวัติศาสตร์ที่ชัดเจน ผมเชื่อมั่นอย่างนั้น

นอกจากครอบครัวแล้ว ใครคือคนที่มีความหมายกับคุณมากที่สุด
ก็เพื่อนๆ สมัยเรียน ที่เป็นนักกิจกรรมมาด้วยกัน จริงๆ ผมไม่ได้มีเพื่อนเยอะนะ มีเพื่อนอยู่แค่ 5-6 กลุ่มเท่านั้น ผมไม่ได้เป็นคนที่ชอบไปสังสรรค์คบเพื่อนใหม่ตลอดเวลา ดังนั้นผมไม่มีเพื่อนเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็จะคบเพื่อนเก่าๆ
คืองี้ ไอเดียของผมที่จะมีความหมายต่อคำถามที่คุณถามก็คือ มันต้องเป็นคนที่เคยผ่านความทุกข์ด้วยกันมา ความสัมพันธ์คนจะหนาแน่นแค่ไหน มันต้องผ่านความทุกข์ด้วยกันมา นั่นต่างหากที่จะบอกว่าความสัมพันธ์มันแข็งแกร่ง สิ่งที่พิสูจน์ไม่ใช่ความสุข ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องของกลุ่มคนที่ผ่านประสบการณ์ร่วมกัน เคยแก้ปัญหา เคยทุกข์ยาก เคยลำบากอะไรแบบนี้มาร่วมกัน ที่เรารู้สึกมีความหมาย ไม่ใช่คนที่ไปสังสรรค์ปาร์ตี้ด้วยกัน อันนั้นมันไม่ได้ทำให้เราแข็งแกร่งมากขึ้น
ขอถามเชยๆ หน่อย คุณมี “คำคม” อะไรเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต
คำนึงที่ผมใช้บ่อย “จงเชื่อใจคนอื่น และครองตนให้เป็นที่เชื่อใจของคนอื่น” ยกตัวอย่าง คุณจะสร้างความไว้ใจได้ยังไงน่ะเหรอ ผมก็ต้องทำตามสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่า คุณถึงจะไว้ใจผมใช่ไหม แต่ถ้าผมผิดสัญญาเนี่ย มันเบรกเลย
กลุ่มเพื่อนที่ไม่ไว้ใจกัน เกิดอะไรขึ้น นินทากัน เสียดสีกัน แล้วสังคมหรือกลุ่มคนที่ไม่ไว้ใจกันล่ะ แต่ถ้าคุณสามารถครองตนให้คนอื่นไว้ใจได้ นั่นต่างหากที่จะทำให้เกิดความแข็งแรง และในทางธุรกิจ คำว่า trust มันสำคัญกว่ากำไร กำไรมันจะไม่มีค่าเลย ถ้าต้องแลกมาด้วยความไม่เชื่อใจ ผมคิดว่าหลักการแบบนี้ใช้กับการเมืองเหมือนกัน
ดังนั้น คุณต้องไว้ใจตัวเองและไว้ใจคนอื่น ถ้าหัวหน้าไม่ไว้ใจคุณ คุณกล้าทำงาน กล้าตัดสินใจ กล้าแสดงความคิดเห็นไหม คุณจะกล้าแสดงศักยภาพของตัวเองได้เต็มที่ก็ต่อเมื่อคุณได้รับความไว้วางใจ คุณถึงกล้าคิด เมื่อคุณกล้าคิดกล้าตัดสินใจเท่านั้นแหละองค์กรถึงจะขยับเร็ว
ทำยังไงให้ลูกน้องกล้าตัดสินใจ คือหัวหน้าต้องมีความ trust เชื่อใจกันอย่างสูงระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง นี่ต่างหากที่ทำให้องค์กรแข็งแกร่ง ทำให้สังคมแข็งแกร่ง ทำให้พรรคการเมืองแข็งแกร่ง คือการสร้างความเชื่อใจ ดังนั้นผมคิดว่า การครองตนให้เป็นที่เชื่อใจของคนอื่นสำคัญมาก ขณะเดียวกันคุณก็ต้องเชื่อใจคนอื่นด้วย สร้างวัฒนธรรมแบบนี้ให้ได้ในที่ที่ผมอยู่ พอทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนจะเห็น
กับคำว่า “อุดมการณ์” ถ้าไม่ได้ทำให้เป็นรัฐบาล มันจะมีความหมายกับคุณไหม
ไม่มีอะไรน้อยกว่าการเป็นผู้ก่อตั้งรัฐบาล เรารู้ว่าสิ่งที่เรารู้ เราคิด เราฝัน ไม่สามารถทำได้เลยถ้าเราไม่มีอำนาจ แต่จะให้เสียงในสภามาสำคัญกว่าความคิดไม่ได้ ไม่ยอมเด็ดขาด เราจะไม่ประนีประนอมกับความเชื่อของเรา ไม่งั้นความเชื่อของเราก็จะไม่มีความหมาย ถ้าต้องใช้เวลายาวนานก็คือต้องยาวนาน
แต่โจทย์เรื่องความพร้อมผมเห็นมาเยอะ คุณเคยทำอะไรที่รู้สึกว่าพร้อมจริงๆ ไหม คนที่ขีดเส้นความพร้อมเราจะเป็นคนขีดมันเอง ทำแค่ไหนเรียกว่าพร้อม ไม่มีคำว่าพร้อม มีแต่คำว่าลงมือทำ ถ้าคุณเริ่มลงมือทำ คุณถึงจะรู้